เงิน ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่เราต้องเสียภาษีตามที่กฎหมาย
กำหนด ยกเว้นว่าจะมีการระบุไว้ว่าเป็นเงินที่ได้รับการยกเว้นภาษี
โดยเงินได้พึงประเมิน สามารถแบ่งได้เป็น 8 ประเภท
.
[ ประเภทที่ : เงินที่ได้จากการจ้างแรงงาน ]
เป็นเงินได้ที่อยู่ในรูปแบบเงินเดือน หรือเงินประจำ รวมถึงผลประโยชน์อื่น ๆ
.
เช่น โบนัส เบี้ยเลี้ยง หรือเงินค่าที่พักที่ได้รับจากนายจ้าง โดยเงินได้ก้อนนี้ จะถูกนำไปหักค่าใช้จ่าย 50% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
[ ประเภทที่ : เงินที่ได้จากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือการรับจ้างทำงาน ]
.
เช่น ค่าจ้างทั่วไป ค่านายหน้า ค่าตอบแทนต่าง ๆ
ที่ไม่ได้อยู่ในฐานะเจ้านายกับลูกน้อง
.
โดยหักค่าใช้จ่าย 50% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท เช่นเดียวกับเงินได้ประเภทที่ 1
.
**อย่างไรก็ดี หากเรามีเงินได้ทั้งจากประเภทที่ 1 และประเภทที่ 2 จะต้องนำมาคิดรวมกัน และหักค่าใช้จ่ายได้ 50% ซึ่งไม่เกิน 100,000 บาทเท่านั้น
[ ประเภทที่ : เงินจากค่าลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา ]
โดยหักค่าใช้จ่าย 50% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
.
นอกจากนี้ยังรวมเงินที่ได้จากพินัยกรรม นิติกรรมอย่างอื่น และคำพิพากษาของศาล
อย่างไรก็ตาม เงินที่กล่าวมานั้น ไม่สามารถนำมาหักค่าใช้จ่ายได้
[ ประเภทที่ : เงินที่ได้ในรูปของดอกเบี้ยและเงินปันผล ]
ซึ่งกำไรที่ได้จากการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีก็อยู่ในกลุ่มนี้เช่นกัน โดยเงินได้ประเภทนี้ ไม่สามารถนำไปหักค่าใช้จ่ายได้เลย แต่ยังมีดอกเบี้ยบางประเภทที่ไม่ต้องยื่นภาษี เช่น ดอกเบี้ยสลากออมสิน
หรือดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ที่ได้รับจากสหกรณ์ออมทรัพย์
[ ประเภทที่ : เงินที่ได้จากการให้เช่าทรัพย์สินต่าง ๆ ]
รวมถึงเงินที่ได้จากการผิดสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สิน และการผิดสัญญาซื้อขายเงินผ่อนโดยหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 10-30% ของเงินได้ หรือหักตามจริง
[ ประเภทที่ : เงินที่ได้จากวิชาชีพอิสระ ]
ประกอบไปด้วย 6 อาชีพ
.
ได้แก่ การประกอบโรคศิลปะ กฎหมาย วิศวกรรม สถาปัตยกรรม บัญชี และประณีตศิลปกรรม
.
โดยการประกอบโรคศิลปะ สามารถหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 60% ของรายได้ หรือหักตามจริง ขณะที่อาชีพอื่น ๆ หักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้เพียง 30% ของรายได้ หรือหักตามจริง
[ ประเภทที่ : เงินที่ได้จากการรับเหมา ซึ่งต้องรวมทั้งค่าแรงและเงินค่าของ ]
.
โดยนำไปหักค่าใช้จ่ายได้ 60% ของเงินได้ หรือหักตามค่าใช้จ่ายจริงก็ได้
.
หากเป็นการรับเหมาเฉพาะค่าแรง แต่ลูกค้าซื้อวัสดุและอุปกรณ์เอง จะไม่ถือว่าเป็นเงินได้ประเภทที่ 7 แต่จะเป็นเงินได้ประเภทที่ 2 เพราะเป็นการว่าจ้างธรรมดา
[ ประเภทที่ : เงินได้อื่น ๆ ]
ที่ไม่ใช่เงินได้ประเภทที่ 1 ถึง 7 และไม่ได้รับการยกเว้นภาษี
.
เช่น เงินจากการทำธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง การขายอสังหาริมทรัพย์ โดยหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 40-60% ของเงินได้ หรือหักตามจริง
.
#ศัพท์การเงินน่ารู้ #หมวดtaxation #maneymoney
กำหนด ยกเว้นว่าจะมีการระบุไว้ว่าเป็นเงินที่ได้รับการยกเว้นภาษี
โดยเงินได้พึงประเมิน สามารถแบ่งได้เป็น 8 ประเภท
.
[ ประเภทที่ : เงินที่ได้จากการจ้างแรงงาน ]
เป็นเงินได้ที่อยู่ในรูปแบบเงินเดือน หรือเงินประจำ รวมถึงผลประโยชน์อื่น ๆ
.
เช่น โบนัส เบี้ยเลี้ยง หรือเงินค่าที่พักที่ได้รับจากนายจ้าง โดยเงินได้ก้อนนี้ จะถูกนำไปหักค่าใช้จ่าย 50% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
[ ประเภทที่ : เงินที่ได้จากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือการรับจ้างทำงาน ]
.
เช่น ค่าจ้างทั่วไป ค่านายหน้า ค่าตอบแทนต่าง ๆ
ที่ไม่ได้อยู่ในฐานะเจ้านายกับลูกน้อง
.
โดยหักค่าใช้จ่าย 50% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท เช่นเดียวกับเงินได้ประเภทที่ 1
.
**อย่างไรก็ดี หากเรามีเงินได้ทั้งจากประเภทที่ 1 และประเภทที่ 2 จะต้องนำมาคิดรวมกัน และหักค่าใช้จ่ายได้ 50% ซึ่งไม่เกิน 100,000 บาทเท่านั้น
[ ประเภทที่ : เงินจากค่าลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา ]
โดยหักค่าใช้จ่าย 50% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
.
นอกจากนี้ยังรวมเงินที่ได้จากพินัยกรรม นิติกรรมอย่างอื่น และคำพิพากษาของศาล
อย่างไรก็ตาม เงินที่กล่าวมานั้น ไม่สามารถนำมาหักค่าใช้จ่ายได้
[ ประเภทที่ : เงินที่ได้ในรูปของดอกเบี้ยและเงินปันผล ]
ซึ่งกำไรที่ได้จากการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีก็อยู่ในกลุ่มนี้เช่นกัน โดยเงินได้ประเภทนี้ ไม่สามารถนำไปหักค่าใช้จ่ายได้เลย แต่ยังมีดอกเบี้ยบางประเภทที่ไม่ต้องยื่นภาษี เช่น ดอกเบี้ยสลากออมสิน
หรือดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ที่ได้รับจากสหกรณ์ออมทรัพย์
[ ประเภทที่ : เงินที่ได้จากการให้เช่าทรัพย์สินต่าง ๆ ]
รวมถึงเงินที่ได้จากการผิดสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สิน และการผิดสัญญาซื้อขายเงินผ่อนโดยหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 10-30% ของเงินได้ หรือหักตามจริง
[ ประเภทที่ : เงินที่ได้จากวิชาชีพอิสระ ]
ประกอบไปด้วย 6 อาชีพ
.
ได้แก่ การประกอบโรคศิลปะ กฎหมาย วิศวกรรม สถาปัตยกรรม บัญชี และประณีตศิลปกรรม
.
โดยการประกอบโรคศิลปะ สามารถหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 60% ของรายได้ หรือหักตามจริง ขณะที่อาชีพอื่น ๆ หักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้เพียง 30% ของรายได้ หรือหักตามจริง
[ ประเภทที่ : เงินที่ได้จากการรับเหมา ซึ่งต้องรวมทั้งค่าแรงและเงินค่าของ ]
.
โดยนำไปหักค่าใช้จ่ายได้ 60% ของเงินได้ หรือหักตามค่าใช้จ่ายจริงก็ได้
.
หากเป็นการรับเหมาเฉพาะค่าแรง แต่ลูกค้าซื้อวัสดุและอุปกรณ์เอง จะไม่ถือว่าเป็นเงินได้ประเภทที่ 7 แต่จะเป็นเงินได้ประเภทที่ 2 เพราะเป็นการว่าจ้างธรรมดา
[ ประเภทที่ : เงินได้อื่น ๆ ]
ที่ไม่ใช่เงินได้ประเภทที่ 1 ถึง 7 และไม่ได้รับการยกเว้นภาษี
.
เช่น เงินจากการทำธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง การขายอสังหาริมทรัพย์ โดยหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 40-60% ของเงินได้ หรือหักตามจริง
.
#ศัพท์การเงินน่ารู้ #หมวดtaxation #maneymoney
Add New Comment